หลังติดตั้งให้เทสโซลินอยด้วย มีต้องเทส 4 ข้อ

อธิบายไว้ตอนจบ จำเป็นต้องเทสให้ครบ


การติดตั้ง

  • ไฟ +12V แนะนำต่อไฟที่ผ่านสวิตซ์กุญแจมา เพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าหาสายจั๊มลำบากก็ต่อไฟบวกจากแบตได้
  • การต่อให้ติดไว้ท่อไอดีฝั่งออกจากอินเตอร์ที่จะเข้าไปท่อร่วมไอดีเครื่อง ให้ใช้ bovจากทาง FASTEX เท่านั้น เพราะมีการปรับแต่งมา อย่าใช้BOVตามท้องตลาด เพราะดีเซลบูสเยอะ ลมจะรั่ว
  • ตัวล็อคBOVต้องใช้คีมปลายแหลมบีบเข้า จะทำให้เข้าล็อคง่าย
  • ที่BOVจะมีน็อตหกเหลี่ยมยึดรอบ ก่อนใช้งานให้ตรวจสอบว่าขันแน่นดีแล้ว ถ้าหลวมให้ย้ำให้แน่นก่อนใช้งาน

  • เซนเซอร์บูส (ตัวสีเงินมีเกลียว) แนะนำให้หาหางปลาทองเหลืองเกลียว 1 หุน (1/8) มาต่อแล้วแบ่งลมบูสจากท่ออินเตอร์ โดยให้เซนเซอร์อ่านลมบูส โดยจะดึงมาจากจุดไหนของท่ออินเตอร์ก็ได้ ( เช่น ใช้ข้อต่อสามทางแบ่งลมบูสมาจากสายซิลิโคนที่ต่อไปเกจวัดบูส) จากนั้นอาจจะเอาเซนเซอร์ไปวางหลบๆไว้ที่่ด้านข้างห้องเครื่องเพื่อความเรียบร้อย

    หรือจะฝังเซนเซอร์บูสไว้ที่ท่อไอดี/ท่ออินเตอร์ ก็ได้โดยจะไว้ก่อนเข้าหรือ ออกจากอินเตอร์ก็ได้ แต่แนะนำใช้หางปลาทองเหลืองแล้วต่อสายลมบูสไปเข้าเซนเซอร์จะดีกว่า เพราะสามารถเอาไปวางในตำแหน่งที่ไม่เกะกะ และยังหลีกเลี่ยงความร้อนอีกด้วย

    การต่อให้เอากรรไกรตัดปลายจุกสีดำ แล้วเอาสายไฟสองเส้นลอดเข้ามาบัดกรีเข้ากับขั้ว (สลับสายกันได้) แล้วเอาจุกดึงมาคลุมปิดไว้


เซนเซอร์บูส

 

 

 


 

โซลินอยที่ให้ไปจะมี 2 แบบใช้ได้เหมือนกัน แต่การต่อสายลมจะต่างกันเล็กน้อย

แบบที่ 1


สายลมให้รัดเคเบิ้ลไทร์กันหลุด

  • การต่อไฟที่โซลินอยสามทางสีฟ้า และ เซนเซอร์วัดบูส (ตัวสีเงินที่มีเกลียว) ทั้งคู่จะมีสายสองเส้น โดยสามารถต่อเส้นไหนก็ได้่ คือเอาสายไหนเป็นสายไฟเข้า/ออกก็ได้ สำหรับโซลินอยสามทางสีฟ้าตามรูปด้านบน
  • สายลมที่เขียนว่าบูส ที่ต่อเข้าโซลินอยรูกลาง (เลข 3) ให้เอาลมบูสมาจากท่อไอดี โดยอาจจะแบ่งโดยใช้สามทางมาจากสายลมที่ไปเกจวัดบูส หรือจะเจาะท่อลมบูสใหม่แยกจากท่อไอดีก็ได้ตามชอบ แต่แนะนำว่าเจาะลมบูสแยกมาจากท่ออินเตอร์จะดีที่่สุด แต่ถ้าขี้เกียจเจาะเพิ่มก็แบ่งลมเอาก็ได้
  • สายที่เขียนว่าแวคคั่ม ที่ต่อเข้าทางขวาโซลินอย (เลข 1) ให้ใช้สามทาง แบ่งลมมาจากสายแวคคั่ม ที่เป็นสายเข้าไปหม้อลมเบรค ไม่ต้องกังวลความปลอดภัยเพราะเราแบ่งลมมาน้อยมากๆ เราแบ่งลมแวคคั่มมาจากปั๊มแวคคั่มของรถ ถ้าพบว่าใช้โบออฟไปแล้วแป้นเบรคแข็งผิดปกติ ให้มาเช็คดูสามทางตัวนี้ เพราะอาจรั่วซึม หรือ สายแวคคั่มยาวเกินไป โดยถ้าต่อได้สมบูรณ์ไม่รั่ว จะต้องไม่มีผลกับการทำงานของเบรค
  • สายต่อจากโซลินอยไปโบออฟ ให้ต่อจากรูซ้าย (เลข 2)

แบบที่ 2

การจัดวางโซลินอย ควรสายลมสั้น

  • ควรวางโซลินอยสามทางในตำแหน่งที่ สายลมแวคคั่มมาเข้าโซลินอย และสายจากโซลินอยไปที่โบออฟ ยิ่งสั้นยิ่งดีโดยเฉพาะสายแวคคั่มที่มาเข้าโซลินอยควรสั้นๆ โดยเฉพาะ FORD RANGER สายแวคคั่ม ไม่ควรยาวเกิน 30 เซน ไม่งั้นเบรคจะแข็ง เพราะปั๊มแวคคั่มของรถแรงน้อยมาก จากที่ติดตั้งมารถรุ่นอื่นไม่เจอปัญหานี้ ยกเว้นเรนเจอร์สายแวคคั่มต้องสั้น
  • รถบางรุ่นเช่น เรนเจอร์ สายแวคคั่มไปหม้อลมเบรคจะเป็นสายแข็ง สามารถตัดได้เหมือนรถปกติแล้วหาสามทางมาแบ่งลมที่ขนาดพอดีสาย โดยอาจเอาเทปพันเกลียวพันที่่สามทางก่อนเสียบกับสายแล้วรัดด้วยเคเบิ้ลไทร์ ก็สามารถใช้ได้ปกติ
  • หากติดตั้งแล้วมีอาการเบรคแข็งแสดงว่าสายแวคคั่มไปโซลินอยยาวไป โดยเฉพาะ FORD RANGER สายนี้ต้องสั้น ไม่เกิน 30 เซน ได้ยิ่งดี รถรุ่นอื่นยังไม่เคยเจอปัญหานี้ แต่ถ้ามีอาการเบรคแข็งให้แก้โดยเช็ครั่วสามทางแบ่งแวคคั่ม + ใช้สายแวคคั่มสั้น
  • หากติดตั้งแล้วรู้สึกว่าBOVตอบสนองช้าผิดปกติมาก แสดงว่าสายจากโซลินอยไปโบออฟยาวไป โดยเฉพาะ FORD RANGER สายไปBOVควรจะสั้น รถรุ่นอื่นยังไม่เคยเจอปัญหานี้

 

แบ่งลมแวคคั่มจากสายแวคคั่มไปหม้อลมเบรคตามรูป
เพื่อมาต่อเข้ารูขวาโซลินอย สีน้ำเงิน

 

สามทางพลาสติกที่ให้ไปสำหรับแบ่งลมจากท่อแวคคั่มที่เข้าหม้อลมเบรค ขนาดอาจไม่พอดีกับรถบางรุ่น อาจใช้วิธีสวมสายตามรูป หรือแนะนำให้ร้านท่อที่ติดตั้งBOVทำสามทางโลหะ เพื่อให้พอดีกับสายแวคคั่มหม้อลมเบรคลูกค้า โดยไม่จำเป็นต้องทำบ่ากันหลุดเพราะเป็นลมแวคคั่มอยู่แล้ว ดังนั้นสายจะไม่หลุดจากสามทาง


การต่อสวิตซ์ขาคันเร่ง

  • สวิตซ์ขาคันเร่งให้ใช้เหล็กรูที่ให้ไป จัดวางสวิตซ์ให้ตอนไม่กดคันเร่ง ขาคันเร่งกดสวิตซ์นี้ไว้ พอกดคันเร่งให้ปล่อยสวิตซ์ การติดตั้งสวิตซ์ขาคันเร่งสำคัญมาก เพราะคนส่วนมากจะผิดตรงนี้
  • ถ้ารถรอบเดินเบาสูงผิดปกติ แสดงว่าสวิตซ์ขาคันเร่งไปกดขาคันเร่งมากไปให้ดัดขายึดใหม่
  • รถบางรุ่น เช่น FORD RANGER ตัวรถเองจะมีเซนเซอร์ที่ขาคันเร่ง ซึ่งถ้าหากเราติดตั้งสวิตซ์ขาคันเร่งไปกดแป้นขาคันเร่งมากไป เซนเซอร์ขาคันเร่งของตัวรถจะจับได้ ทำให้ขับแล้วไฟโชว์เวลาเบรค เพราะรถคิดว่าเราใช้เบรคในขณะที่เอาอีกเท้าวางบนแป้นคันเร่งไปพร้อมกัน ดังนั้นการติดตั้งสวิตซ์ขาคันเร่งใน FORD RANGER ต้องระวังไม่ให้สวิตซ์ไปดันแป้นคันเร่งมากไป
  • เราให้สวิตซ์ขาคันเร่งไปหลายตัว ให้เลือกใช้ตัวเดียว ที่คิดว่าชอบที่สุด

 

ตอนเทสสวิตซ์ขาคันเร่ง ให้เอาสายไฟต่อคร่อมขั้วเซนเซอร์ ตามเส้นแดง

 

สวิตซ์ขาคันเร่งจะถูกกดเมื่อไม่กดคันเร่ง

 

  • 1. ใช้สายไฟคร่อมสองขั้วของเซนเซอร์บูสตัวสีเงิน (ที่ผังไว้ท่อไอดี) หากต่อไฟเข้าโซลินอยผ่านไฟสวิตซ์กุญแจ ให้บิดกุญแจ ON ก่อน จากนั้น ลองกด/ปล่อยๆ ขาคันเร่ง จะต้องได้ยินเสียงโซลินอยดังแต็กๆตามจังหวะกด/ปล่อยแป้นคันเร่ง เมื่อมั่นใจว่าสวิตซ์ขาคันเร่งทำงานถูกต้องแล้ว ให้เอาสายไฟที่ต่อคร่อมสายเซนเซอร์บูสที่คร่อมเพื่อเทสออก

    2. หลังจากเอาสายไฟที่ต่อคร่อมสายเซนเซอร์บูส ออกแล้ว ให้เทส กด/ปล่อยๆ ขาคันเร่งอีกครั้ง รอบนี้จะต้องไม่ได้ยินเสียงโซลินอยทำงานดังแต็กๆ ตามจังหวะกด/ปล่อยแป้นคันเร่ง ถ้าหากยังได้ยินเสียงการทำงานของโซลินอยอยู่ให้แก้โดย ที่เซนเซอร์บูสตัวสีเงิน ที่ก้นจะมีน็อตตัวหนอนหกเหลี่ยม ให้ขันเข้าตามเข็มนาฬิกานิดเดียว เพียงครั้งละ 1/8 รอบ โดยขันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำให้ไม่ได้ยินเสียงโซลินอยทำงาน หากขันมากไปBOVจะเริ่มทำงานที่บูสสูงเกินไป หรือหากขันเยอะมากๆจะไม่ทำงานเลย

 

  • หลังจากเทสการทำงานของขาคันเร่งแล้ว สายอีกขั้วที่ออกจากสวิตซ์ขาคันเร่งให้ต่อเข้าตัวถังรถ (กราวด์) รถบางคันเอาสายไปลงกราวด์โดยขันเข้ากับน็อตตัวเมียที่ยึดขาคันเร่ง บางทีกราวด์ตรงนี้นำไฟไม่ดี ให้เช็คด้วยว่าจุดที่เอาสายไปลงกราวด์นั้นนำไฟดี
  • การทดสอบการทำงานBOVให้ขับจริงเท่านั้น ไม่ใช่เร่งเครื่องกับที่ แนะนำเอารถออกไปขับ แล้วกดคันเร่งให้บูสมาแรงๆสักรอบนึงตอนขับจริง แล้วหลังจากนั้นค่อยดูการทำงานของBOV
  • หลังจากการใช้งานให้เอามือจับโซลินอย ถ้าโซลินอยร้อนมาก แสดงว่าการติดตั้งผิดพลาด เพราะหากได้เทสการทำงานโซลินอยเรียบร้อยแล้ว ระหว่างติดเครื่องโซลินอยอาจจะร้อนได้ตามความร้อนห้องเครื่อง แต่เมื่อดับเครื่องยนต์แล้ว  ทิ้งเวลาสัก 30-60 นาที จนห้องเครื่องเย็นแล้ว เอามือไปจับโซลินอยจะต้องไม่ร้อน
  • หากต้องการต่อสวิตซ์เปิด/ปิด แนะนำต่อคั่นสายไฟที่ต่อจากเซนเซอร์บูสไปสวิตซ์ขาคันเร่ง

การเทสโซลินอยสำคัญมาก!!!

หลังต่อเสร็จ ทดสอบการทำงานสวิตซ์ขาคันเร่งก่อนโดยมีการเทส 4 อย่างที่ต้องทำ

1. ใช้สายไฟคร่อมสองขั้วของเซนเซอร์บูสตัวสีเงิน (ที่ผังไว้ท่อไอดี) หากต่อไฟเข้าโซลินอยผ่านไฟสวิตซ์กุญแจ ให้บิดกุญแจ ON ก่อน โดยไม่ต้องติดเครื่องยนต์ จากนั้น ลองกด/ปล่อยๆ ขาคันเร่ง จะต้องได้ยินเสียงโซลินอยดังแต็กๆตามจังหวะกด/ปล่อยแป้นคันเร่ง เมื่อมั่นใจว่าสวิตซ์ขาคันเร่งทำงานถูกต้องแล้ว ให้เอาสายไฟที่ต่อคร่อมสายเซนเซอร์บูสที่คร่อมเพื่อเทสออก

2. หลังจากเอาสายไฟที่ต่อคร่อมสายเซนเซอร์บูส ออกแล้ว ให้เทส กด/ปล่อยๆ ขาคันเร่งอีกครั้ง โดยไม่ต้องติดเครื่องยนต์ รอบนี้จะต้องไม่ได้ยินเสียงโซลินอยทำงานดังแต็กๆ ตามจังหวะกด/ปล่อยแป้นคันเร่ง 

หรืออีกวิธีทดสอบถ้าคิดว่าฟังเสียงโซลินอยได้ไม่ถนัด คือ หลังจากเอาสายไฟที่ต่อคร่อมสายเซนเซอร์บูสออกแล้ว ให้ติดเครื่องยนต์รอบเดินเบา เอามือไปอังที่หน้าโบออฟวาล์วจะต้องไม่มีลมออกมา (โบออฟต้องปิด)

ถ้าหากยังได้ยินเสียงการทำงานของโซลินอยอยู่ หรือมีลมออกจากโบออฟที่รอบเดินเบาขณะติดเครื่องยนต์ (เอาสายคร่อมเซนเซอร์ออกแล้ว) ให้แก้ไขตามวิธีด้านล่าง (หัวข้อสีแดง “วิธีแก้ไข หากได้ยิน….”)

3. เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วให้นำรถไปขับ จนเครื่องหายเย็น อุณหภูมิน้ำหม้อน้ำ ไม่ต่ำกว่า 70 องศา (ตอนเทสให้ขับกดคันเร่งให้บูสมาเต็มที่ อย่างน้อย 4-5 ครั้ง โดยต้องขับจริงไม่ใช่เบิ้ลเร่งกับที่) จากนั้นจอดดับเครื่องก่อน ในขณะเครื่องยังร้อนอยู่ให้บิดกุญแจ ON แต่ไม่ต้องสตาร์ท ให้คนกด/ปล่อยๆ แป้นคันเร่ง โดยโซลินอยสามทางจะต้องไม่ทำงานดังแต๊กๆ ตามจังหวะกดคันเร่ง

หรืออีกวิธีทดสอบถ้าคิดว่าฟังเสียงโซลินอยได้ไม่ถนัด คือ หลังจากไปขับกดเต็มที่สัก 4-5 ครั้ง และอุณหภูมิหม้อน้ำไม่ต่ำกว่า 70 องศา ให้จอดรถ โดยไม่ต้องดับเครื่อง ให้ติดไว้ที่รอบเดินเบา แล้วเอามือไปอังที่หน้าโบออฟวาล์วจะต้องไม่มีลมออกมา (โบออฟต้องปิด)


4. จอดจนเครื่องเย็น (ถ้าต่อไฟผ่านสวิตซ์กุญแจให้บิดกุญแจ ONไว้ด้วย) เอามือจับโซลินอยสามทางจะต้องเย็นสนิทไม่ร้อน ลองกด/ปล่อยๆ แป้นคันเร่งโดยไม่ต้องติดเครื่อง จะต้องไม่ได้ยินเสียงการทำงานของโซลินอย

 

ให้เทสจนมั่นใจว่าทั้งตอนเครื่องเย็นและร้อน ขณะไม่ติดเครื่องยนต์ (ถ้าต่อไฟผ่านสวิตซ์กุญแจให้บิดกุญแจ ONไว้ด้วย) กดปล่อยแป้นคันเร่ง จะต้องไม่ได้ยินเสียงการทำงานของโซลินอย ถ้าได้ยินเสียงการทำงานของโซลินอยขณะกดปล่อยแป้นคันเร่งตอนไม่ติดเครื่่องยนต์ แสดงว่าโซลินอยค้างให้แก้ไขโดยการตั้งเซนเซอร์ในหัวข้อถัดไป ถ้าไม่แก้ไขโซลินอยจะร้อนและเสีย

 

วิธีแก้ไข หากยังได้ยินเสียงการทำงานของโซลินอยจากการเทสข้อ 2-4

ให้แก้โดย ที่เซนเซอร์บูสตัวสีเงิน ที่ก้นจะมีน็อตตัวหนอนหกเหลี่ยม ให้ขันเข้าตามเข็มนาฬิกา แค่เศษ 1/6 ของรอบ ตามรูป

จากนั้นเทสข้อ 2-4 เหมือนเดิมอีกครั้ง น่าจะหาย ถ้ายังไม่หายให้ขันเข้าไปเพิ่มอีกครั้ง โดยระวังอย่าขันน็อตตัวนี้เข้ามากเกินไปเพราะจะให้ BOV ไม่ทำงาน พยายามขันเข้าให้น้อยที่สุดที่จะทำให้เทสโซลินอยผ่านก็พอ โดยปกติหากเทสไม่ผ่าน ขันเข้าตามที่บอก 1-2 ครั้งก็ควรจะเทสผ่านแล้ว การตั้งน็อตตัวหนอนหกเหลี่ยมนี้เป็นการตั้งความแข็งของเซนเซอร์บูส ว่าให้บูสเท่าไหร่ BOV ถึงเริ่มทำงานตอนยกคันเร่ง ตั้งอ่อนไปโซลินอยจะทำงานตลอดแม้เราดับเครื่องแล้ว ตั้งแข็งไป BOV จะไม่ทำงาน

แนะนำว่าน็อตหกเหลี่ยมตัวหนอนนี้ไม่ควรไปปรับตั้งหากไม่จำเป็น โดยเราจะปรับมันเฉพาะกรณีที่เทสโซลินอยข้อ 2-4 แล้วโซลินอยมีเสียง/ร้อนเท่านั้น ถ้าเทสผ่านแล้วไม่ควรยุ่งกับมัน

การเทสทั้ง 4 ข้อสำคัญมาก จำเป็นต้องเทสเพื่อให้มั้่นใจว่าโซลินอยไม่ทำงานค้าง โดยหลักการคือหากท่ออินเตอร์ไม่มีแรงดันบูส โซลินอยจะต้องไม่ทำงานไม่ว่าจะกดหรือปล่อยแป้นคันเร่ง ทั้งตอนเครื่องยนต์ร้อนและเย็น หากโซลินอยทำงานค้างตลอดเวลาจะร้อนและเสีย ถ้าเทสไม่ผ่านแล้วไม่สามารถแก้โดยการขันน็อตหกเหลี่ยมตั้งค่าเซนเซอร์ไม่ได้ให้ดึงสายไฟบวกออกก่อน อย่าพึ่งใช้งาน และติดต่อ FASTEX 090-456-7891

 



การใช้งาน

BOVจะทำงานตอนขับจริง บูส 10-12 ปอนด์ หรืออาจคลาดเคลื่อนบ้างแล้วแต่รถคนนั้นๆว่าเทอร์โบเซิร์ทมากหรือน้อย เราไม่สามารถกำหนดได้เป๊ะๆ แต่สว่นมาจะอยู่ช่วง 10-12 ปอนด์ แต่ถ้าทำงานไวหรือช้ากว่านี้บ้างก็ไม่ต้องกังวล มันคือธรรมชาติของBOV

รถเทอร์โบแปรผันแปลงเวสเกตลมดันบางคันอาจพบปัญหาว่า BOV มีเสียงแถมจังหวะที่สองเบาๆ หลังจาก BOV ยก อันนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะว่ารถประเภทนี้เทอร์โบจะเซิจมาก บางทียกครั้งเดียวลมมันระบายออกไม่หมด เสียงเลยมีแถมเบาๆตามมา ในรถเบนซินที่เซิร์จมากๆก็มีอาการนี้ไม่ต้องตกใจ มันขึ้นกับว่ารถเทอร์โบเซิจมากหรือน้อย


 

การต่อไฟ+ เข้าโซลินอย

 

หากดีงไฟ+จากสายไฟของรถ แนะนำทุกคันคร่อมไดโอดด้วยจะได้ไม่กวนสัญญาณของรถ

โดยเฉพาะหากคันไหนมีปัญหาติดตั้งไปแล้วมีสัญญาณกวนอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถ (เช่น เครื่องเสียง )

โดยมากจะพบปัญหาสัญญาณกวนในรถที่ไปดึงไฟ +จากสายไฟของรถ หากดึงไฟบวกจากไฟของรถนอกเหนือจากเอาไฟมาจากขั้วบวกแบตเตอรี่ แนะนำให้คร่อมไดโอดด้วย

จากที่เจอมารถบางคัน (จำนวนน้อยมาก อาจจะ 1 ใน 50 คัน) เจอปัญหาสัญญาณกวนอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถ ให้แก้โดย เอาไดโอด เบอร์ 1N4007 มาต่อคร่อมแบบขนานกับตัวโซลินอย โดยสำคัญมากที่ต้องเอาด้านที่มีขีดของไดโอดต่อเข้ากับสายไฟที่มาจากขั้วบวกจากแบตเตอรี่ ห้ามสลับทิศทางเด็ดขาด และให้เอาฉนวนพันขาไดโอดให้เรียบร้อยระวังขาไดโอดจะช็อตลงกราวด์ เราทำเพื่อตัดสัญญาณกวนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโซลินอย ในกรณีที่รถเจอปัญหาสัญญาณกวน

ถ้าต้องการดึงไฟบวกจากไฟของรถผ่านสวิตซ์กุญแจ แนะนำให้ดึงจากไฟบวกที่จุดบุหรี่

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ถูกหลักวิศวกรรมแนะนำให้รถทุกคันคร่อมไดโอดไปเลยจะดีที่สุดแม้ไม่มีปัญหาสัญญาณกวน เผื่ออนาคตมีการติดตั้งอุปกรณ์เช่นเครื่องเสียง จะได้ไม่เกิดปัญหา

คร่อมไดโอดตามเส้นเหลือง ทิศทางขีดตามรูป
พันฉนวนด้วยระวังขาไดโอดช็อตลงกราวด์

 

ระหว่างดึงไฟจากไฟจุดบุหรี่ กับดึงจากขั้วบวกแบตโดยตรง เราแนะนำให้ดึงจากขั้ว+แบตโดยตรง

จริงๆแล้วไฟ + สามารถดึงมาจากขั้วบวกแบตเตอรี่โดยตรงได้ เพราะเซนเซอร์บูส(ตัวสีเงินที่เอาสายลมบูสมาต่อ) ทำหน้าที่เป็นสวิตซ์ในตัวอยู่แล้ว ถ้าไม่มีลมบูสมาเข้าเซนเซอร์วงจรจะถูกตัดอยู่แล้ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องไปดึงไฟบวกมาจากสายไฟของรถ ซึ่งจะตัดปีญหาเรื่องสัญญาณกวนไปได้ และการดึงไฟตรงจากขั้วบวกแบตเตอรี่มีข้อดีคือไม่ไปตัดต่อระบบไฟเดิมของรถ ถ้าจะให้ดีหากดึงไฟบวกโดยตรงจากขั้วบวกของแบตเตอรี่ แนะนำให้หาฟิวส์ 5-10 แอมป์ มาคั่นสายจากขั้วบวกแบตเตอรี่ที่จะต่อไปเข้าโซลินอยด้วย

อันนี้แล้วแต่ลูกค้า ถ้าต้องการดึงไฟบวกผ่านไฟสวิตซ์กุญแจon แนะนำดึงไฟบวกจากที่จุดบุหรี่ ไม่งั้นก็เอาไฟบวกจากแบตเตอรี่ขั้วบวกโดยตรงเลย (แต่ต่อฟิวส์คั่น) โดยรถแอดมินเองเลือกดึงจากขั้วบวกแบตเตอรี่

ทำได้ทั้งสองวิธี

 


 

วิธีแก้ปัญหา​หากโบออฟทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง หรือ เคยทำงานปกติแล้วอย​ู่ดีๆก็หยุดทำงาน

ปกติแล้วอุปกรณ์​จะแทบไม่มีโอกาสเสียเลย หากหลังติดตั้งมีการเทสโซลินอยข้อ 2-4 (ตามที่แจ้งไปก่อนหน้า)​ แสดงว่าโซลินอยไม่ค้าง โอกาสเสียของอุปกรณ์​เป็นไปได้ยากมาก

หากโบออฟที่พึ่งติดตั้งใหม่ไม่ทำงาน​ หรือเคยใช้งานปกติอยู่​ แล้วอยู่ดีๆเกิดไม่ทำงานขึ้นมา​ ให้ทดสอบตามนีั

ขั้นตอนที่ 1 เอาสายไฟมาคร่อมระหว่างขั้วสองขั้วที่เซนเซอร์บูส​ (ตัวสีเงิน)​ แล้วกดปล่อยๆคันเร่งขณะดับเครื่อง

ให้เอาสายไฟคร่อม 2 ขั้วตามเส้นสีแดง

1.1 ถ้าโซลินอยดังแต๊กๆ​ให้คร่อมสายไว้ก่อนแล้วไปลองขับ​ โบออฟจะต้องทำงาน​ แต่ตอนลองให้ลองสั้นๆไม่ต้องแรงมาก​แค่ลองให้รู้ว่าโบออฟทำงานถ้าคร่อมสายที่เซนเซอร์​

1.1.1 ถ้าโบออฟทำงานให้รีบมาจอดแล้วถอดสายไฟคร่อมเซนเซอร์​ออก​ จากนั้นตั้งน็อตหกเหลี่ยมที่ก้นเซนเซอร์​โดยหมุนทวน​เข็มนาฬิกา​ 5 นาที​ (1รอบ=60นาที) จากนั้นขับลอง​ (รอบนี้ไม่ต้องคร่อมสายที่เซนเซอร์)​ ถ้าโบออฟยังไม่ทำงานอีกให้หมุนน็อตหกเหลี่ยมทวนเข็มนาฬิกา​เพิ่มอีก 5 นาที​ โดยพยายามหมุนให้น้อยที่สุด​ จุดเหมาะสมที่โบออฟทำงานคือ12-15ปอนด์​ ถ้าตั้งเยอะไปโซลินอยจะค้าง​ และร้อนทำให้โซลินอยเสียหาย

หลังจากปรับตั้งเซนเซอร์​แล้วจำเป็นต้องเทสโซลินอยค้างตอนร้อน​ ตามข้อ​ 2-4​ ที่อธิบายไว้ในหัวข้อ​เทสโซลินอยด้วย

1.1.2 ถ้าโบออฟไม่ทำงาน​ ขณะไปลองขับแม้คร่อมสายไฟที่บูสเซนเซอร์​อยู่​ แต่ตอนเทสขณะดับเครื่องโซลินอยมีเสียงดังแต๊กๆ​ ให้ตรวจเช็คสายลมที่เข้าโซลินอยทั้งสามเส้นว่าเสียบผิดรูมั๊ย

1.2 ถ้าตอนดับเครื่องแล้วเอาสายคร่อมเซนเซอร์​แล้วกดปล่อยแป้นคันเร่งแล้วไม่ได้ยินเสียงแต๊กๆที่โซลินอยเลย​ แสดงว่าไฟไม่ครบวงจร​

ให้ดึงหางปลาสองเส้นที่เสียบกับเซนเซอร์​บูส(ตัวสีเงิน)​ ออกแล้วเอามัลติมิเตอร์​ มาเช็คว่า​

1.2.1 สายที่ต่อเข้าไปหาสวิตช์​ขาคันเร่งในรถ​ มีกราวด์มามั๊ย​ (ตั้งมิเตอร์โหมดวัดความต่อเนื่องแล้วเทียบกับกับกราวด์)​ โดยถ้าไม่มีกราวด์มา แสดงว่าสวิตช์​ขาคันเร่งไม่กดตอนเราไม่กดแป้นคันเร่งให้ดัดขายึดใหม่​ หรือลองเอามือกดปุ่มสวิตช์​ขาคันเร่งดูว่ากราวด์มามั๊ย​ ถ้าเอามือกดยังไม่มาคือสวิตช์​เสีย​ หรือสายไฟที่ต่อจากสวิตช์​ขาคันเร่งเข้าตัวถังรถเชื่อมต่อไม่ดี

1.2.2 เช็คว่าสายไฟที่ต่อมาจากโซลินอยมาที่เซนเซอร์​บูส​มีไฟ 12V มามั๊ย​ ถ้าไม่มีมาแสดงว่าการต่อสายไฟมีจุดสายขาด

ขั้นตอนที่ 2 หลังจากแก้ไขจนโบออฟทำงานแล้ว​ จำเป็นต้องเทสโซลินอยค้างตอนร้อน​ ตามที่อธิบายในหัวข้อการเทสโซลินอยข้อ​ 2-4 ก่อนเพราะถ้าโซลินอยค้างจะร้อน​ ทำให้โซลินอยเสียหายได้

 

หากโบออฟเคยใช้งานได้แล้วอยู่ดีๆทำงานบ้างไม่ทำบ้าง หรือ หยุดทำงานไปเลย ให้เดาไว้ก่อนเลยว่าสวิต​ซ์ขาคันเร่งไม่ถูกกดขณะยกคันเร่ง‼️

 


 

หากมีปัญหาการติดตั้งสินค้า โทร 090-456-7891

 


ตัวอย่างการติดตั้ง